
... อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/article/825831
คนแก่ร้องโฮ'เราชนะ' คนไทยรอ'วัคซีนโควิด'
คอลัมน์ ข่าวข้น คนเข้ม
คนแก่ร้องโฮ’เราชนะ’ คนไทยรอ’วัคซีนโควิด’ – หนังสือพิมพ์ข่าวสด หนังสือพิมพ์เติบโตเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ Khaosod ข่าวสด สื่อออนไลน์ยอดนิยมอันดับหนึ่ง สร้างประวัติศาสตร์ยอดไลก์เฟซบุ๊กทะลุ 14 ล้านไลก์ ยอดติดตามกว่า 15.5 ล้านฟอลโลเวอร์ ฉบับนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2564 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 4 ปีชวด …*
อภิปรายไม่ไว้วางใจ 1 นายกรัฐมนตรี 9 รัฐมนตรีเข้าสู่วันที่สาม คะแนน “ไว้วางใจ” หรือ “ไม่ไว้วางใจ” จะได้รู้กัน 20 ก.พ. ซึ่งยังไงๆ 1 นายกฯกับ 9 รมต.ย่อมได้คะแนน “ไว้วางใจ” จากส.ส.เสียงข้างมากอยู่แล้ว มีให้ลุ้นแค่รมต.คนใดจะได้เสียงไว้วางใจ “น้อยกว่าพวก” ส่วนที่ได้เสียงไว้วางใจมากกว่าคนอื่น หวยล็อกไว้แล้ว “3 ป.” ศูนย์กลางอำนาจ …*
ภาพตายายผู้เฒ่าผู้แก่ทั่วประเทศ ตื่นแต่เช้าไปเข้าคิว ตากแดดจนเป็นลม ร่ำไห้ร้องโฮ เพื่อขอรับสิทธิ์ “เราชนะ” สะท้อนความจริง ประเทศไทยอย่างเจ็บปวด เรื่อง “ความเหลื่อมล้ำ” ของประชาชนพลเมือง เรื่อง “ความสามารถประสิทธิภาพ” ของรัฐบาล และเมื่อผู้นำรัฐบาลพูดออกมาว่า “ประชาชนอาจจะลำบากสักนิด ก็ขอให้มีความคุ้นชินในเรื่องเหลานี้ด้วย” ก็สะท้อนความสามารถประสิทธิภาพของผู้นำประเทศ …*
รู้กันทั้งโลกชัยชนะต่อโควิด แท้จริงคือ “วัคซีน” ประเทศใดฉีดให้ประชาชนครอบคลุมทั่วถึงก่อน ก็ได้เปิดบ้าน เปิดเมือง เปิดประเทศ ขับเคลื่อนชีวิต สังคม เศรษฐกิจก่อน ประเทศรอบบ้านเราฉีดให้ประชาชนล้านๆ คนก่อนประเทศไทยหลายวันแล้ว ของเรา ผู้รับผิดชอบเพิ่งขยับตัวแบบไฟลนก้นจนได้ล็อตแรก (แค่) 2 แสนโดส จากบริษัทซิโนแวคของจีน มีกำหนดมาถึงไทย 24 ก.พ. จากนั้นอีก 3 วัน 27 ก.พ.จะได้ฤกษ์ฉีดเข็มแรก …*
กรณี “วัคซีนโควิด” บ่งบอกวิสัยทัศน์ผู้รับผิดชอบ ตรงสำนวนไทยโบราณ “ช้าช้าได้พร้าเล่มงาม” ซึ่งล้าหลังตามไม่ทันยุค “ปลาเร็วกินปลาช้า” ที่ก้าวไปไกลกว่า “ปลาใหญ่กินปลาน้อย” จากนี้รอดูรอชมประเทศรอบข้าง ขยับขับเคลื่อนชีวิต สังคม เศรษฐกิจภายใน เปิดบ้าน เปิดเมืองรับคน รับเงิน รับการลงทุน ขณะที่บ้านเราทำได้แค่อดทนต่อสู้เอาชีวิตให้รอดต่อไปจนกว่าจะได้ฉีดวัคซีนกันครอบคลุมทั่วถึง ซึ่งผู้รับผิดชอบมองการณ์ไกลมากๆ วางช่วงเวลาไว้โน่นเลยเดือนมิ.ย. …*
แพทย์พยาบาลอาสา ถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายระหว่างสลายม็อบ เป็นเรื่อง “ซีเรียสมาก” ในระดับสากลโลก เหตุการณ์ค่ำวันเสาร์ที่ 13 ก.พ. ที่ถนนราชดำเนิน จำเป็นต้องชำระสะสางให้กระจ่างทั้งทางคดี ทางมนุษยธรรมมนุษยชน …*
เหตุการณ์ใช้ความรุนแรงกับ “พยาบาลอาสา” ไม่มีใครลืม กมนเกด อัคฮาด ถูกยิงตาย 1 ใน 6 ศพ ในเขตอภัยทาน วัดปทุมวนาราม โดยกระสุนปืนเจ้าหน้าที่รัฐ เมื่อปี 2553 “คนสั่งการ” รอดลอยนวลมาถึงทุกวันนี้ เพราะคดีหยุดชะงักหลังเกิดรัฐประหารปี 2557 …*
*****
**************
********************
คอลัมน์ ชกไม่มีมุม : รัฐบาลไม่แก้ปัญหา สารพัดความขัดแย้ง
https://www.khaosod.co.th/newspaper-column/blunt-opinion/news_5969094
คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
รัฐบาลไม่แก้ปัญหา สารพัดความขัดแย้ง – มีปัญหาความขัดแย้งมากมายในบ้านเมืองนี้ ที่ไม่ได้รับการแก้ไข โดยรัฐบาลผู้มีหน้าที่ต้องแก้ กลับไม่ยอมทำหน้าที่ ปล่อยให้ปัญหานั้นยืดเยื้อเรื้อรัง จนนำมาซึ่งความเสียหายมากมายต่อชีวิตทรัพย์สินและความสงบสุขของสังคมโดยรวม
ปัญหาการเรียกร้องต่อสู้ของเยาวชนคนรุ่นใหม่ ซึ่งเคลื่อนไหวหนักหน่วงมาตลอดครึ่งปีที่แล้ว และตอนนี้กำลังจะเริ่มกลับมาอีกแล้ว
รัฐบาลกลับโยนปัญหาไปให้ตำรวจ
เอาตำรวจออกมาปะทะกับม็อบเด็ก เอาข้อหาสารพัดมาดำเนินคดี จับเข้าคุกเข้าตะราง
ซึ่งไม่ใช่การแก้ปัญหา มีแต่จะยิ่งเพิ่มปัญหา เพราะคนที่ออกมาประท้วงต้องการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองนั้นมีจำนวนหลายหมื่นหลายแสน
จับแกนนำไปคุมขัง มีแต่ยิ่งเพิ่มอุณหภูมิ
จนเริ่มเกิดความห่วงใยไปทั่วสังคมว่า จะนำไปสู่การแตกหัก นำสู่การนองเลือด การสูญเสียได้!
ทั้งที่บรรดาเด็กที่ออกมาเคลื่อนไหว ไม่ใช่คนนอกประเทศนอกโลกที่ไหน เป็นนักเรียนนักศึกษา เป็น ปัญญาชนที่รอบรู้ เป็นอนาคตของชาติ
เมื่อเด็กเหลานี้มีข้อเสนอทางการเมือง ทำไมไม่หาทางออก ไม่หาทางพูดคุย ถ้าเห็นว่าบางข้อเกินเลยไปก็ต้องจับเข่าคุยลดเพดานลงมา
จะไม่คุย แล้วเอาเข้าคุก จะเอาแต่ดำเนินคดีอย่างเดียวเท่านั้นหรือ!?
นี่คือพฤติกรรมที่ไม่สนใจปัญหา และไม่แก้ปัญหาของรัฐบาล
ลงเอยถ้าบานปลาย สูญเสียร้ายแรง รัฐบาลนั่นแหละต้องรับผิดชอบ!
มีตัวอย่าง กรณีเหตุการณ์ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่พยายามเบี่ยงเบนว่าเป็นพวกแบ่งแยกดินแดน จะทำให้ประเทศไทยเสียดินแดน
เพื่อกลบเกลื่อนว่าต้นตอปัญหาที่แท้จริง คือ การปกครองที่ผิดพลาดของรัฐบาลส่วนกลาง บนพื้นฐานความขัดแย้งทางเชื้อชาติศาสนา
รัฐบาลชุดที่แล้วคือรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อพูดคุยเจรจาหาทางออก ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแยกดินแดน แค่จัดระเบียบสังคมใหม่
จนเกิดความคืบหน้าในบางระดับ!
รับฟังปัญหา เพื่อแก้ปัญหา จะได้ยุติการก่อความไม่สงบ รักษาชีวิตเลือดเนื้อชาวบ้านและทหารตำรวจชั้นผู้น้อย
แต่รัฐบาลชุดนี้ ไม่มีความคืบหน้าในการพูดคุยเจรจา ขณะที่การก่อความไม่สงบก็ยังเกิดขึ้นเรื่อยๆ ถี่บ้าง ทิ้งระยะบ้าง
นี่คือตัวอย่างรูปธรรมว่า เมื่อรัฐบาลไม่แก้ปัญหา เสียงปืนเสียงระเบิดจึงเกิดไม่หยุด
ส่วนหนึ่งเพราะเป็นรัฐบาลทหาร ให้ความสำคัญกับกองกำลังสู้รบ อีกส่วนในท่ามกลางสงครามย่อมมีผลประโยชน์ของคนบางฝ่าย
แต่เมื่อรัฐบาลไม่แก้ปัญหา ประชาชน ตำรวจทหารในพื้นที่ก็อยู่กันอย่างลำบากกันต่อไป
3 จังหวัดใต้ก็ไม่แก้ปัญหา กรณีม็อบคนรุ่นใหม่ใน กทม.และหลายพื้นที่ก็ไม่แก้ปัญหา!!
วงค์ ตาวัน
9 ความเห็น
ปิดบัง ซ่อนเร้น ในยุค ข่าวสาร ข้อมูล “ความลับ” ไม่มี
https://www.khaosod.co.th/newspaper-column/news_5975593
ปิดบัง ซ่อนเร้น – ต้องยอมรับว่า บทบาทของ “ออนไลน์” ต่อการอภิปรายทั่วไปมีสูงอย่างยิ่ง
หากมองจากยุคการอภิปรายทั่วไปของพรรคประชาธิปัตย์ต่อรัฐบาล พล.ร.ต.ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ เมื่อต้นปี 2490 จะมองเห็นได้อย่างเด่นชัด
ตอนนั้นมีการถ่ายทอดทาง “วิทยุกระจายเสียง”
จากยุคเมื่อปี 2490 มายังยุคการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจต่อรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
เพราะไม่เพียงแต่ “โทรทัศน์” หากแต่ ยังมี “ยูทูบ”
การเผยแพร่เนื้อหาการอภิปรายดำเนินไปอย่างขยาย กระจายกว้าง
แม้แต่รัฐสภาก็มีสถานีโทรทัศน์อันเป็นของตนเอง ถ่ายทอดได้อย่างครบถ้วนยิ่งกว่านั้น สถานีไทยพีบีเอส ก็ยังทำหน้าที่เป็นลูกข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ยังการถ่ายทอดผ่านทาง “ยูทูบ” ก็เหมือนเป็นรายการสด
ไม่ว่าการพูดของ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ไม่ว่า การพูดของ นายสุทิน คลังแสง ไม่ว่าการอภิปรายของ นายธีรัจชัย พันธุมาศ พูดปุ๊บได้ยินปั๊บในขอบเขตทั่วประเทศ
ได้ยินเสียง ได้เห็นการเคลื่อนไหวทุกกระเบียดอิริยา
บทบาทของแต่ละพรรคการเมืองก็ประสานขานรับผ่านหลายรูปแบบ
โดยพื้นฐาน ไม่ว่าพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าพรรคก้าวไกลก็มีเฟซบุ๊กทำตัวเป็นสถานีกลางของตนเอง มีคลิปคำอภิปรายโดยละเอียดครบถ้วนของแต่ละคนนำเสนออย่างรวดเร็ว
เพียงเท่านั้นยังไม่พอ
ใครที่เป็นนักติดตาม “เฟซบุ๊ก” ใครที่เป็นนักติดตาม “ทวิตเตอร์” ก็มีโอกาสได้เห็นคลิปสั้นๆถ่ายทอดประโยคเด็ดๆ ของนักอภิปรายแต่ละคนโดยสมบูรณ์
ข่าวแพร่กระจาย ขยายออกไปอย่างมีประสิทธิภาพ
อาจกล่าวได้ว่าการปิดบังข่าวสารข้อมูลกำลังกลายเป็นเรื่องเหลือเชื่อ
เหลือเชื่อเพราะยากเป็นอย่างยิ่งที่ใครจะปิดบังและซ่อนเร้นได้ ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ไม่ว่าจะลงมือกระทำแบบใดล้วนได้รับการเสนอต่อสาธารณะ
เป็นไปได้ว่า จะไม่มี “ความลับ” เหลืออยู่ อีกแล้ว
ไอ้เห้ตู่ออกไป
ภาพนี้เป็นภาพที่สะเทือนใจและเจ็บปวดใจผมอย่างแรงมากทีเดียว