ถ้าผู้พิพากษาทุกคน คิดแบบนี้ !!!???

https://www.facebook.com/100000133091429/posts/4439075936106799/

“ศาลในระบอบประชาธิปไตย เขาไม่ยอมสยบกับฝ่ายผู้มีอำนาจขนาดนี้หรอก” เมื่อ ‘รุ่นใหญ่’ เดือนตุลาฯ ขยับตัว ขอศาลยึดมั่นหลัก ‘นิติธรรม’

.

วันนี้ (2 เมษายน 2564) ถือเป็น ‘วันประวัติศาสตร์’ อีกครั้ง เมื่อคน ‘รุ่นใหญ่’ ผู้ที่ผ่านเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และ 6 ตุลาคม 2519 หรือที่รู้จักกันในนามคนเดือนตุลาฯ รวมตัวกันอีกครั้งในนาม OctDem แสดงออกทางการเมือง โดยเริ่มต้นจากเรื่องร้อนแรง ให้ศาลยุติธรรมให้สิทธิในการประกันตัวแกนนำกลุ่ม ‘ราษฎร’ ระหว่างสู้คดี ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หรือกฎหมายหมิ่นพระมหากษัตริย์

.

ศูนย์กลางของ ‘คนเดือนตุลาฯ’ กลุ่มนี้คือ สิตา การย์เกรียงไกร อดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น และอดีตกรรมการศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ยุค 6 ตุลาฯ ประสานศิษย์เก่ายุคนั้นตั้งแต่ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตรองนายกรัฐมนตรี, จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี, นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรองนายกรัฐมนตรี, สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, สุธรรม แสงประทุม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย 

.

รวมถึงนักศึกษายุคนั้นอย่าง พลากร จิรโสภณ, เกรียงกมล เลาหไพโรจน์, สุเทพ สุริยะมงคล และหลายคนที่ไม่ได้มาร่วมในวันนี้อย่าง ธงชัย วินิจจะกูล อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-เมดิสัน, สุรชาติ บำรุงสุข อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และภูมิธรรม เวชยชัย แกนนำคนสำคัญของพรรคเพื่อไทย

.

ที่สำคัญ หลายคนที่เข้าร่วมกลุ่มเคยเป็นนักศึกษา ‘เข้าป่า’ ไปร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ภายหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ และหลายคนก็เคยผ่านการเป็น ‘นักโทษ’ มาแล้ว

.

เรียกได้ว่าเป็นการรวมตัวครั้งใหญ่ของคนเดือนตุลาฯ ‘ฝ่ายประชาธิปไตย’ รุ่นใหญ่ของจริง เพราะทั้งหมดล้วนอยู่เกินวัยเกษียณ และเป็นการแสดงตัวอย่างจริงจังครั้งแรก หลังจาก ‘รุ่นหลาน’ เริ่มเคลื่อนไหวใหญ่ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว

.

พนัส ทัศนียานนท์ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หนึ่งในสมาชิก ‘กิตติมศักดิ์’ ของ OctDem วัย 79 ปี บอกว่า ที่เข้าร่วมกับกลุ่ม OctDem วันนี้ เพื่อต้องการสร้างแรงผลักดันให้เห็นว่าคนรุ่นนี้ยังมีพลังในการขับเคลื่อนร่วมกับคนรุ่นใหม่

.

“ที่ผ่านมาเราก็ช่วยตลอด ทั้งกำลังใจ กำลังเงิน ซึ่งวันนี้เราก็โล่งขึ้นเยอะ เพราะหลังจากที่ อานนท์ นำภาพูดครั้งแรก เรากลัวว่าเขาจะยึดอำนาจอีก เพราะผู้มีอำนาจไม่น่ารับได้ แต่ผ่านมาถึงขนาดนี้ยังไม่ได้ทำอะไร เราก็เชื่อว่าจะเปลี่ยนอะไรได้” พนัสระบุ

.

อีกส่วนหนึ่งที่เขาออกมา เนื่องจาก ‘ทนไม่ได้’ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันศาล ที่ ‘ไม่รับรู้’ อะไรเลย ตั้งหน้าตั้งตาฟ้องอย่างเดียว เสมือนเป็นเครื่องจักรกลสำหรับสะกด ปราบปรามขบวนการประชาธิปไตย ซึ่งผิดหลักการทุกอย่างของระบอบประชาธิปไตย

.

“ถ้าเราเป็นประชาธิปไตย ยึดมั่นหลักนิติธรรม ก็ต้องเข้าใจว่าสิ่งที่เป็นหัวใจคือความเป็นอิสระของศาลยุติธรรม ศาลต้องมีหน้าที่ปกป้องเสรีภาพของประชาชน ไม่ใช่ไปอยู่ข้างเดียวกับฝ่ายผู้มีอำนาจที่กำราบปราบปรามประชาชน ถ้าเป็นแบบนั้นก็ผิดฝาผิดตัวไปหมด ศาลในระบอบประชาธิปไตยเขาไม่ยอมสยบกับฝ่ายผู้มีอำนาจขนาดนี้หรอก”

.

อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ กล่าวอีกว่า “เริ่มจากการตัดสินว่าฝ่ายผู้มีอำนาจเป็นรัฏฐาธิปัตย์ นี่ก็ผิดหลักแล้ว แล้วก็เป็นอย่างนี้ตลอด ผมพูดเรื่องนี้มาเกือบ 50 ปีแล้ว ก็ยังเป็นแบบเดิมอยู่” 

.

แต่เขาก็ยังเชื่อมั่นว่า ภายหลังจากการยื่นหนังสือต่อศาล ศาลจะยอมเปลี่ยนท่าทีเพื่อรับฟังฝ่ายประชาธิปไตยบ้าง 

.

ส่วนที่ถูกวิพากษ์ว่ามีแต่พวก ‘คอมมิวนิสต์เก่า’ พนัสตั้งคำถามว่า คอมมิวนิสต์สมัยนี้ผิดอะไร และประเทศที่เป็นประชาธิปไตยทุกประเทศวันนี้ ก็มีคอมมิวนิสต์กันหมดทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา แต่เมื่อประชาชนไม่เอาด้วย คอมมิวนิสต์ก็ทำอะไรไม่ได้

.

พนัสบอกว่าการออกมาของ ‘คนเดือนตุลาฯ’ คือภาพสะท้อนว่าหลังจากนี้ ไม่มีอีกแล้วที่จะแบ่งแยก ‘คนรุ่นใหม่ หรือ ‘คนรุ่นเก่า’ แต่ถึงเวลาประสานพลังกัน ทำให้เห็นว่าวันนี้ ทุกคนออกมาช่วยกันหมดแล้ว

.

“สุดท้ายมันก็ต้องชนะ สุดท้ายคุณไม่มีฝืนได้หรอก รอเวลา แค่เมื่อไหร่เท่านั้นเอง” พนัสกล่าวทิ้งท้าย

.

ขณะที่ นพ.ทศพร เสรีรักษ์ อีกหนึ่งคนเดือนตุลาฯ บอกว่า คนรุ่นเก่าไม่ได้หายไปไหน ถ้าสังเกตทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเขา เกรียงกมล สุธรรม หรือพนัส ก็ไปนั่งอยู่ข้างเวทีทั้งนั้น และจำนวนไม่น้อยก็ ‘สปอนเซอร์’ ผ่านการโอนเงินบริจาคช่วยกองทุนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนสนับสนุนการชุมนุมหรือกองทุนประกันตัว

.

“ก่อนหน้านั้นก็อาจจะเป็นแค่กลุ่มย่อยๆ แต่ก็ให้กำลังใจ หนุนกันเต็มที่อยู่แล้ว แค่ยังไม่ได้เป็นกลุ่มชัดเจน การมารวมตัวกันก็ถือเป็นปรากฏการณ์ หลังจากนี้ผมก็เชื่อมั่นว่าจะมีการเคลื่อนไหวออกมาอย่างต่อเนื่องอีก” หมอทศพรให้สัมภาษณ์

.

เขาบอกว่า เมื่อมีผู้ใหญ่ระดับ ‘พนัส’ ระดับ ‘ชาญวิทย์’ หรือคนระดับอดีตรองนายกฯ อดีตรัฐมนตรี ที่ผ่านเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ อดีต 6 ตุลาฯ ออกมาร่วม ก็คาดหวังว่าศาลจะรับฟังบ้าง เพราะคนเหลานี้ไม่มีใครที่ไม่ได้หวังดีกับบ้านเมือง 

.

“รุ่นใหญ่ทั้งนั้นที่ยังไม่ได้ออกมา ก็มีอีกเยอะ ทุกคนล้วนผ่านการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยด้วยกันทั้งสิ้น ผมคิดว่ามันถึงเวลาของคนรุ่นพวกเราแล้ว” 

.

ส่วนหนึ่งของหนังสือที่กลุ่ม OctDem ยื่นต่อศาลฎีกาในวันนี้ก็คือ “ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยและนิติรัฐนิติธรรม การที่ศาลยุติธรรมจะพิจารณาพิพากษาอรรถคดีและทำคำสั่งใดๆ จักต้องเป็นไปโดยยุติธรรม ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ยุติธรรม การไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวแกนนำเพื่อประชาธิปไตยชั่วคราว เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถยอมรับได้”  

.

การเคลื่อนไหววันนี้สะท้อนว่าคนรุ่นใหญ่เริ่ม ‘ขยับ’ แล้ว ด้วยเรื่องใจกลางสำคัญอย่างกระบวนการยุติธรรม และแน่นอนว่า เมื่อมีก้าวแรกแล้ว ก้าวต่อไปต้องตามมาอย่างแน่นอน

.

เรื่อง: The Momentum Team

ภาพ: วิศรุต วีระโสภณ

.

#TheMomentum #StayCuriousBeOpen #คนเดือนตุลา #OctDem